OUR ATHLETES
อาจไม่เคยมีใครรู้ว่าเบื้องหลังชีวิตของนักกีฬาทีมชาติไทยกว่า 95% คือการมุ่งมั่นทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนัก เพียงเพื่อชัยชนะใน 5% ของการแข่งขัน...ที่นำมาซึ่งความสุขของคนไทยทั้งประเทศ
นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งทีมชาติไทย ตำนานพาราลิมปิกไทยผู้ยิ้มรับชะตา แต่ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต
“ ถ้ามีไม่เท่าคนอื่น
ต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น ”
ชื่อ | : | ประวัติ วะโฮรัมย์ |
ชื่อเล่น | : | วัติ |
เกิด | : | 24 มีนาคม พ.ศ. 2524 จังหวัดสระแก้ว |
ประเภทกีฬา | : | วีลแชร์เรซซิ่ง พาราลิมปิก |
START HIS IMPOSSIBLE
จากเด็กพิการด้วยโรคโปลิโอ ที่ทำอะไรได้ไม่เท่าคนอื่น สู่การเป็นตำนานนักกีฬาวีลแชร์ของไทย ที่ตอนนี้เขาคือไอดอลของนักกีฬาวีลแชร์ทั่วประเทศ
กว่าจะมาถึงวันนี้ วัติ- ประวัติ วะโฮรัมย์ ต้องต่อสู้มาอย่างหนักเพื่อเอาชนะทั้งข้อจำกัดทางกาย และความท้อแท้ข้างในใจตัวเอง เพราะเขาไม่ใช่เด็กพิการแต่กำเนิด แต่มาสูญเสียขาทั้งสองข้างจากโรคโปลิโอตอน 3 ขวบและการที่เด็กพิการคนหนึ่งต้องเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติได้สร้างบาดแผลและความอึดอัดใจให้กับประวัติไม่น้อยเพราะเขาไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเพื่อนๆ
กระทั่งอายุ 11 ปี ประวัติมีโอกาสได้เห็นนักกีฬาวีลแชร์ฝึกซ้อม เขารู้สึกได้ทันทีว่า เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรได้เหมือนคนทั่วไป แต่สามารถทำสิ่งอื่นที่แตกต่างได้ ในแบบที่ร่างกายอำนวยและนั่นคือก้าวแรกที่ทำให้ประวัติก้าวสู่วงการกีฬา เพราะอยากสู้เพื่อเอาชนะปมในใจตัวเอง และพิสูจน์ให้ใครๆ เห็นว่าเขาไม่ใช่คนป่วย
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 22 ปี ที่ประวัติมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกซ้อม เขาไม่ใช่คนเก่งมาตั้งแต่ต้น ในช่วงแรกของการเป็นนักกีฬา แม้จะซ้อมชนิดที่ว่าเหนื่อยจนสาหัส เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะนักปั่นรุ่นพี่ได้ ความท้อแท้ก่อตัวขึ้นในใจบ่อยครั้ง พร้อมกับคำถามว่าทำไมเราปั่นได้ไม่เร็วเหมือนเขา
ความท้อนั้นจะทำให้ประวัติล้มเลิกความตั้งใจก็ได้ แต่เขาไม่เลือกทางนั้น เขากลับซ้อมมากขึ้น มากขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่า “ถ้ามีไม่เท่าคนอื่น ต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น”
ประวัติซ้อมอย่างหนักทุกวัน จะหยุดแค่เย็นวันอาทิตย์และเช้าวันจันทร์เท่านั้น นอกจากการซ้อมปั่นในสนาม และออกถนนสัปดาห์ละ 40 กม. อีกสิ่งที่ประวัติต้องทำทุกวันอย่างเคร่งครัดเพื่อให้กล้ามเนื้อแขนแข็งแรง คือการยกน้ำหนักวันละ 2,000 กก. เท่ากับว่าจนถึงวันนี้ประวัติยกน้ำหนักมาแล้วมากกว่า 4,600 ตัน ซึ่งความพยายามที่มากกว่าคนอื่นของเขาไม่เคยสูญเปล่า จากรางวัล 7 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดงในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ทั้ง 5 ครั้งคือเครื่องพิสูจน์แล้วว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้
ในวัย 37 ปี ประวัติกำลังจะอำลาวงการหลังจบการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 เขายอมรับว่าไม่ง่ายสำหรับนักกีฬาวัยอย่างเขา แต่เขายังคงเชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ หากมีความมุ่งมั่นและพยายาม โตโยต้าจึงขอชวนคนไทยร่วมส่งแรงใจให้ตำนานพาราลิมปิกคนนี้สามารถสร้างความ “เป็นไปได้” บทใหม่ให้เกิดขึ้น ด้วยการคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ไปพร้อมกัน
ผลงาน